What can we help you with?

คันเร่งค้าง เกิดจากสาเหตุอะไร ต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุ ?

คันเร่งค้างเกิดจากอะไร_DirectAsia

ปัญหาคันเร่งค้างขณะขับขี่นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เกียร์ธรรมดาหรือรถยนต์เกียร์ออโตเมติก นอกจากจะสร้างความตระหนกตกใจให้กับผู้ขับขี่ ยังทำให้สูญเสียการควบคุมรถจนเกิดอุบัติเหตุและเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจกันว่าปัญหาคันเร่งค้างเกิดจากอะไร และเมื่อเกิดเหตุคันเร่งค้างต้องรับมืออย่างไรถึงจะปลอดภัย รวมถึงสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด!

คันเร่งค้างเกิดจากอะไร_DirectAsia

คันเร่งค้างเกิดจากอะไร ?

1.ข้อบกพร่องจากเครื่องยนต์

เพราะรถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักเป็นระบบคันเร่งไฟฟ้า ซึ่งอาจมีโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้ จากความชื้น ความร้อน หรือการชำรุดของสายไฟฟ้า จนส่งผลให้เกิดคันเร่งค้างขึ้นได้ ทั้งนี้ในปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นระบบไฟฟ้าหมดแล้ว นั่นหมายความว่าก็มีโอกาสที่จะเกิดคันเร่งค้างได้น้อยมากนั่นเอง

2.การวางของเกะกะ

เป็นอีกหนึ่งสาเหตุต้นๆ ที่ทำให้คันเร่งค้างเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะขวดน้ำ กระป๋องน้ำที่กินแล้วทิ้งไม่เป็นที่ ซึ่งอาจทำให้มันไหลไปขัดอยู่ใต้คันเร่ง จนทำให้เกิดคันเร่งค้างขึ้นได้ หรือจะเป็นรองเท้าที่ผู้ขับขี่ถอดทิ้งเอาไว้ขณะขับรถ หรือรองเท้าส้นสูงของคุณผู้หญิงก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คันเร่งค้างได้เช่นกัน 

3.พรมปูรองพื้นรถหนาเกินไป

อีกหนึ่งสาเหตุของคันเร่งค้างก็คือ กรณีพรมปูรองพื้นที่หนาเกินไป โดยแบ่งได้หลายๆ กรณี เช่น การเหยียบคันเร่งแล้วติดพรม หรือบางทีตัวพรมอาจถูกวางไม่เข้าที่ ก็อาจทำให้คันเร่งค้างเช่นเดียวกัน

คันเร่งค้างรับมือยังไง_DirectAsia

เมื่อเกิดเหตุคันเร่งค้าง รับมือ-แก้ยังไงได้บ้าง ?

1.ตั้งสติและใจเย็น

แม้จะมีคำถามเกิดขึ้นว่าคันเร่งค้างเกิดจากอะไร แต่อยากให้ตั้งสติก่อนเป็นอันดับแรก เพราะการตั้งสติและควบคุมสติให้ดีได้นั้น จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมรถได้ ด้วยการมองไปข้างหน้า เพื่อดูว่าเราจะสามารถควบคุมรถไปยังทางที่โล่งหรือนำรถไปจอดริมทางที่โล่งได้ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์คันเร่งค้างโดยที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ

2.เข้าเกียร์ให้ถูกต้อง

หลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว คันเร่งค้างแก้ยังไง... ให้เราทำการเข้าเกียร์ N สำหรับรถยนต์ที่เป็นเกียร์ออโต้ เพราะรถยนต์เกียร์ออโต้นั้นสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทันที เพื่อเป็นการตัดกำลังของเครื่องยนต์ออก ทำให้รถมีความเร็วลดลงระหว่างที่คันเร่งค้าง แต่หากรถยนต์ที่เราขับอยู่เป็นเกียร์ธรรมดา ให้ทำการเหยียบคลัตช์และเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างและปล่อยรถให้เคลื่อนตัวไปช้าๆ ประคองพวงมาลัยให้อยู่ในทิศทางที่ปลอดภัย

3.เหยียบเบรกและประคองเข้าข้างทาง

เมื่อชะลอความเร็วของรถได้แล้ว ให้ทำการประคองพวงมาลัยเพื่อเบี่ยงรถเข้าข้างทาง พร้อมกับเหยียบเบรกเป็นระยะๆ เพื่อให้รถพอมีความเร็วในการขับเคลื่อน แต่หากรถของเราเป็นระบบเบรก ABS ให้ค่อยๆ เหยียบเบรกค้างเพื่อให้รถลดความเร็วลงจนรถหยุด และเมื่อสามารถประคองรถเข้าข้างทางได้แล้ว แนะนำให้ดับเครื่องยนต์พร้อมกับทำการเปิดไฟฉุกเฉิน และโทรขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้เลย

สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด! เมื่อเกิดเหตุรถยนต์คันเร่งค้าง

สิ่งที่ห้ามทำเลยก็คือ การดับเครื่องยนต์ เพราะหากขณะขับขี่และเกิดคันเร่งค้าง การดับเครื่องยนต์จะทำให้ระบบช่วยผ่อนแรงและเพาเวอร์พวงมาลัยไม่ทำงาน มีน้ำหนักมากขึ้นและทำให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางรถได้ นอกจากนี้ระบบเบรกก็อาจจะไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นหากเกิดเหตุคันเร่งค้าง ห้าม ”ดับเครื่องยนต์” เด็ดขาด หากไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น

ทั้งหมดนี้ คือสาเหตุที่อาจทำให้คันเร่งรถยนต์ค้างขณะขับขี่ รวมถึงวิธีรับมือและสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยขณะเกิดเหตุคันเร่งค้าง หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ทุกคนรับมือกับเหตุการณ์คันเร่งค้างได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งหากใครที่กังวลว่ารถยนต์ของเราเสี่ยงที่จะเกิดเหตุคันเร่งค้างหรือไม่ ก็สามารถนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กสภาพรถยนต์ได้ รวมถึงควรทำประกันรถยนต์เอาไว้ด้วย เพื่อเสริมความอุ่นใจและการรับประกันเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมและยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นจะไม่มีใครมาช่วยเหลือ เพียงแค่ปฏิบัติตามสิ่งที่เราแนะนำ คุณก็จะปลอดภัยอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์  โทร. 0-2767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th