What can we help you with?

แอร์รถยนต์ และน้ำยาแอร์รถยนต์ ยืดอายุการใช้งานอย่างไร

แอร์รถยนต์ รักษายังไงให้ยืดอายุการใช้งานได้นาน

แอร์รถยนต์และน้ำยาแอร์รถยนต์ : วิธีดูแลเพื่อยืดอายุการใช้งาน

งานเข้าสินะ เวลารถ หรือ ชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนใดส่วนหนึ่งพัง เพราะมันแพงสะเทือนใจเจ้าของรถเหลือเกิน อย่างเรื่องแอร์รถยนต์ก็เหมือนกัน เรารู้กันดีว่าเปลี่ยนแอร์รถยนต์แต่ละที พี่จะร้องไห้ แพงเหลือเกิน และยิ่งอากาศเมืองไทยมันร้อนม๊ากกก..มาก แอร์รถยนต์เลยเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เปิดมันเข้าไป ยิ่งร้อน ยิ่งเปิด ยิ่งใช้งาน ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการพังง่ายๆ เราเลยมี 10 เคล็ดลับดูแลรักษาแอร์รถยนต์ให้ยืดอายุใช้งานได้นานมากขึ้นมาฝากกัน

แอร์รถยนต์และการใช้งานพื้นฐาน

  1. โดยปกติแล้ว ควรปิดสวิตซ์ระบบแอร์รถยนต์ทุกครั้งก่อนดับเครื่องยนต์
  2. ก่อนจะสตาร์ทเครื่อง ควรเช็คดูอีกครั้งว่า สวิตซ์แอร์อยู่ในตำแหน่งปิด หรือปิดไว้หรือยัง ถ้าบังเอิญลืมปิดจริงๆ ให้หมุนปิดก่อน แล้วค่อยสตาร์ทเครื่องรถยนต์ จากนั้น ก็เปิดพัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อนเพื่อไล่ความร้อนออก หรือ เปิดกระจกรถลงเล็กน้อย เพื่อช่วยระบายอากาศอีกทางหนึ่ง เมื่อเครื่องรถยนต์พร้อมใช้งาน จึงค่อยเปิดสวิตซ์แอร์ (A/C) ให้ทำความเย็นตามปกติ พร้อมกับปรับแรงพัดลมตามความเหมาะสมของอากาศบ้านเรา

ดูแลคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์

  1. ไม่ควรปรับแอร์รถยนต์ที่อุณหภูมิเย็นสูงสุดตลอดเวลานะคะ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ทำงานหนักเกินไป ควรมีจังหวะสลับลดระดับความเย็นมาก-น้อยบ้างค่ะ
  2. เมื่อเปิดแอร์ไม่ควรเปิดกระจกรถ เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ต้องทำงานหนัก ถ้าจำเป็นต้องเปิดกระจกรถจริงๆ ก็ให้ปิดสวิตซ์แอร์ (A/C) ก่อนค่ะ เวลาเปิดกระจกทุกครั้งระวังเรื่องของฝุ่นที่จะปลิวเข้ามาอุดตันในตู้แอร์รถยนต์แล้วแอร์ก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น พังง่ายขึ้นไปอีกค่ะ

ควรล้างตู้แอร์รถยนต์ปีละกี่ครั้ง

โดยปกติแล้วควรล้างแอร์รถยนต์ทุกๆ 1 ปี หรือหมั่นเช็คระยะเพื่อล้างตู้แอร์รถยนต์ที่ประมาณ 20,000 กม. แล้วไปให้ช่างดูแลให้นะคะ

ตัวกรองอากาศแอร์รถยนต์ ควรล้างหรือเปลี่ยนเมื่อไหร่

ตัวกรองอากาศ ควรตรวจเช็คทุกๆ 2,000 – 5,000 กิโลเมตร หรือขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย และเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก 20,000 กิโลเมตร การดูแลทำความสะอาดตัวกรองอากาศ วิธีการคือเป่าเอาสิ่งสกปรกออก โดยให้เป่าลมจากด้านตรงกันข้ามกับที่ฝุ่นเกาะอยู่จนหมด ถ้าเป็นกรองสแตนเลส สามารถล้างด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ก่อนใช้ลมเป่าหรือตากให้แห้ง ถ้าเป็นกรองเปียกให้ทำล้างด้วยน้ำมันเบนซิน แล้วบีบให้แห้ง แต่อย่าบิดเด็ดขาดเพราะอาจทำให้ตัวกรองฉีกขาด แล้วชโลมด้วยน้ำมันเครื่องใหม่

ถนอมรังผึ้งแอร์รถยนต์ งดน้ำหอมหรือสเปรย์ปรับอากาศ

เรื่องน้ำหอมปรับอากาศ/สเปรย์ปรับอากาศ ให้ระมัดระวังเช่นกัน เพราะไอระเหยของสารในน้ำหอม จะหมุนเวียนภายในรถ แล้วถูกดูดเข้าไปในระบบทำความเย็น เกิดการสะสมของสารเหล่านี้ กลายเป็นเยลหรือเมือก ที่จะผสมกับฝุ่นละอองเข้าไปที่ตัวกรองแอร์และรังผึ้งแอร์รถยนต์ ส่งผลให้เกิดการอุดตันและผุพัง แล้วระบบทำความเย็นก็จะเสียหายตามมาเร็วมากขึ้นค่ะ

ล้างแอร์รถยนต์ กำจัดเศษแมลง ฝุ่นละออง

ว่าด้วยแมลง และฝุ่นละออง เวลาที่รถวิ่งมักจะมีฝุ่นละออง เศษแมลงมาอุดตันที่แผงแอร์รถยนต์ ควรล้างทำความซะอาด โดยใช้น้ำฉีดล้างภายนอก หรือซื้อน้ำยาล้างแผงแอร์รถยนต์มาทำเองก็ได้ ถ้าล้างไม่เป็น แนะนำจ้างช่างแอร์ที่ชำนาญกว่าทำให้ดีกว่าค่ะ

น้ำยาแอร์รถยนต์อยู่ได้กี่ปี เติมเมื่อไหร่

น้ำยาแอร์รถยนต์ ปกติต้องเติมทุกๆ 2 ปีนะคะ แต่ในระหว่างนั้นก็ควรเช็คระดับน้ำยาแอร์บ้างว่าเหลือแค่ไหน น้ำยาแอร์ที่ใช้ในรถยนต์มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ Refrigerant 12 (R-12) และ Refrigerant 134a (R134a) ซึ่งทั้งสองชนิดนั้นไม่สามารถใช้ด้วยกันได้ ก่อนเติมควรเช็คด้วยว่ารถของคุณใช้น้ำยาแอร์รุ่นไหน (ท่อน้ำยาแอร์จะอยู่ตรงกรองแอร์ แถวๆ บริเวณแผงระบายความร้อนทางด้านหน้ารถ)

น้ำยาแอร์รถยนต์รั่ว สังเกตอย่างไร

แอร์รถยนต์รั่ว ต้องรู้! ควรการสังเกตว่า น้ำยาแอร์รถยนต์รั่วหรือเปล่า สังเกตจากระดับน้ำยาแอร์รถยนต์ บางทีน้ำยาแอร์รถยนต์ลดต่ำ ไม่ใช่ตามระยะการใช้งานแต่อาจเป็นท่อแอร์รถยนต์รั่ว ดูได้จากน้ำที่ซึมออกนวมแอร์ หรือคราบสกปรกในบริเวณต่างๆ ที่ใกล้กับท่อแอร์ ต้องรีบให้ช่างมาดู

ลองนำไปใช้ประโยชน์ดูได้นะคะ เพื่อยืดอายุการทำงานของแอร์รถยนต์ของคุณให้ได้ใช้นานๆ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ซ่อมบ่อยๆ หรือซื้อแอร์มาเปลี่ยนใหม่ให้เปลือง เป็นการประหยัดได้อีกทาง

DirectAsia เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1