รู้ไว้! 7 สัญญาณเตือนภัยเมื่อ รถใกล้พัง
รถยนต์เมื่อใช้ขับไปนานๆ ย่อมต้องมีเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ในเมื่อเราเป็นคนที่ใช้รถอยู่ทุกๆ วัน ควรจะสังเกตรถของเราว่ามีแสดงอาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่า รถใกล้พัง แล้วหรือยัง จะได้รีบไปซ่อมให้ทันก่อนที่จะเสียหายไปมากกว่านี้จนไม่สามารถซ่อมได้ แถมต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกต่างหาก
- สตาร์ทรถติดยาก ตามปกติเวลาสตาร์ทรถบิดกุญแจครั้งสองครั้งไม่เกิน 30 วินาทีเครื่องก็ติดแล้ว แต่ถ้าใช้เวลาในการสตาร์ทนานมากกว่านั้น อาจเป็นสาเหตุจากการที่แบตเตอรี่เสื่อม ควรไปเช็คหรือเปลี่ยนแบตฯใหม่
- เร่งเครื่องไม่ขึ้น อาจจะต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ใหม่ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงเครื่องยนต์รถพัง แล้วยังทำให้สิ้นเปลืองค่าน้ำมันด้วย
- มีควันสีขาว/ฟ้า ออกจากท่อไอเสีย “ควันขาว” เป็นการเตือนว่าระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์มีปัญหา อาจมีน้ำเข้าไปในห้องเผาไหม้ทำให้เผาน้ำเป็นควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย ซึ่งถ้าน้ำเข้าไปปนกับน้ำมันเครื่องเมื่อไหร่ จะทำให้น้ำมันเครื่องกลายเป็นโคลนส่งผลให้เครื่องยนต์น็อคได้ค่ะ ส่วน “ควันสีฟ้าและมีกลิ่น” เนื่องจากมีน้ำมันเครื่องเล็ดเข้าไปในส่วนหัวลูกสูบ ทำให้มันถูกเผาไหม้ออกมาพร้อมไอเสีย หรือไม่ก็อาจเพราะแหวนลูกสูบมีการสึกหรอเกิดขึ้นก็เป็นได้ ทางที่ดีให้เอาเข้าอู่ให้ช่างเช็คดีกว่านะคะ
- มีกลิ่นเหม็นไหม้ในขณะขับรถ ให้นำรถเข้าศูนย์หรืออู่โดยเร็วเพื่อเช็คที่เบรค, สายพาน, ลูกสูบ หรือสายไฟภายในเครื่องว่ามีรอยไหม้จุดไหนบ้าง เป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดไว้ก่อนดีกว่า
- เกิดเสียงแปลกๆ ตอนขับรถ ลองดูว่าต้นเหตุของเสียงมาจากส่วนไหนของรถ พอเจอแล้วให้เอารถเข้าอู่เพื่อให้ช่างที่เชี่ยวชาญเช็คและซ่อมให้
- ไฟเตือนบนแผงหน้าปัด สัญลักษณ์ต่างๆ บนหน้าปัดถ้ามีไฟเตือนขึ้นมาให้รู้ไว้ว่ารถของคุณกำลังมีสิ่งขัดข้องภายในเกิดขึ้น ควรรีบตรวจเช็คทันที อย่าละเลยเด็ดขาด เพราะ อาจเป็นปัญหาใหญ่ให้กับรถคุณในวันข้างหน้า
- นิสัยการขับรถของคุณเอง เช่น การกระชากเกียร์ เหยียบเบรคหรือคันเร่งแรงๆ จนชินเป็นนิสัย ทำเป็นประจำสะสมเป็นเวลานาน ซึ่งที่ยกตัวอย่างมานี้ล้วนเป็นสาเหตุของการทำให้เครื่องยนต์ เกียร์ เบรค พังเร็วโดยที่คุณไม่รู้ตัว
ถ้ารถของคุณมีอาการตามที่กล่าวมา ควรรีบนำรถไปตรวจซ่อมด่วนเลยนะคะ เพื่อป้องกันรถพังและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้