วิธีพ่วงแบตรถยนต์และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์เป็นแหล่งพลังงานให้กับระบบการทำงานต่างๆ ของรถยนต์ เช่น การสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบไฟส่องทางและไฟสัญญาณ แตรให้สัญญาณ อุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า เช่น การเลื่อนขึ้นลงของกระจกประตู เป็นต้น โดยทั่วไปแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หลายๆ ครั้งเรามักจะพบเห็นหรือได้ยินการขอความช่วยเหลือตามสถานีวิทยุจราจรในการขอพ่วงแบตเตอรี่ เพราะเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุจะทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดของรถยนต์ไม่ทำงานและรถสตาร์ทไม่ติด เพื่อให้สมาชิก DirectAsia.com รับมือกับกรณีฉุกเฉินเช่นนี้ได้ ผมเองก็เพิ่งประสบเหตุแบตเตอรี่รถยนต์หมดเพราะเผลอลืมปิดไฟหน้ารถค้างไว้เมื่อเดือนที่แล้ว วันนี้จึงขอรวบรวมเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์มาฝากกันครับ
การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกต้อง
- ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า
- ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาด ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด
- ตรวจระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์
- ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะทำให้กำลังไฟไม่พอขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ ถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยหรือเดือดเร็ว
- ศึกษาการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ
- ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป (หากเติมน้ำกลั่นสูงเกินไป จะทำให้เกลือขึ้นเร็วและแบตสกปรกเร็ว)
สังเกตแบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุ
- เครื่องยนต์มีปัญหาสตาร์ทติดยาก
- ระบบไฟหน้าไม่สว่างเหมือนเดิม
- ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานได้ช้าลง
- ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ ติดขัด หรือช้าลง
วิธีพ่วงแบตรถยนต์
หากแบตเตอรี่หมดจนสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด ต้องแก้ไขด้วยการพ่วงแบตเตอรี่ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.ตรวจสอบแบตเตอรี่ก่อนพ่วง
แบตเตอรี่ของคุณมีฝาให้ลองดูว่าน้ำกลั่นแข็งหรือแบตเตอรี่แตกไม่ หากเป็นเช่นนั้นห้ามพ่วงแบตเตอรี่เพราะอาจทำให้ได้รับอันตราย
2.เตรียมอุปกรณ์
ในรถยนต์ทุกคันควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ความยาวอย่างน้อย 10 ฟุต แนะนำว่าควรซื้อติดรถไว้เลยเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินราคาตั้งแต่ 300-1000 บาทแล้วแต่คุณภาพและขนาด หลังจากนั้นต้องหารถยนต์อีก 1 คันมาช่วงพ่วงแบตเตอรี่และตรวจดูว่าแบตเตอรี่ของรถคันนั้นมีกระแสไฟตรงกับรถคุณหรือไม่ สุดท้ายดับเครื่องรถทั้งสองคันก่อนการพ่วงสายแบตเตอรี่
3.วิธีพ่วงสายแบตเตอรี่
ที่แบตเตอรี่แต่ละตัว จะมีขั้วโลหะสองขั้ว คือ ขั้วบวก (+) และขั้วลบ (-) ให้หนีบสายพ่วงที่เป็นขั้วบวกที่รถทั้งสองคันให้ตรงกัน จากนั้นหนีบสายพ่วงขั้วลบเข้ากับรถคันที่มีแบตเตอรี่เต็ม ส่วนอีกด้านต่อกับตัวถังรถของคันที่แบตเตอรี่หมด อย่าให้สายขั้วลบไปแตะกับแบตเตอรีที่หมดหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กับแบตเตอรี่
4.ลองสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง
สตาร์ทติดเครื่องรถยนต์คันที่มีแบตเตอรี่เต็มและทิ้งเอาไว้สัก 3-5 นาที หลังจากนั้นให้ลองสตาร์ทเครื่องรถอีกคันที่แบตหมด อย่าเปิดไฟทิ้งไว้ขณะรอแบตเข้าเพราะจะทำให้แบตเข้าไม่ได้สักที ถ้าไม่ได้ ให้ทิ้งเอาไว้อีกสักพักแล้วลองใหม่อีกครั้ง หากสตาร์ทไม่ติดให้ลองโทรติดต่อกับบริษัทหรือศูนย์จำหน่ายรถยนต์เพื่อสอบถามปัญหาของรถรุ่นนั้นๆ หรือแจ้งบริการรถยกไปอู่รถยนต์ที่คุณใช้บริการเป็นประจำเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุและซ่อมแซมรถยนต์ต่อไป
พบกับวีดีโอสาธิตการ Jump แบตเตอรี่ที่ถูกต้อง
รถยนต์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เช่นเดียวกับร่างกายของเรา จึงควรสละเวลาตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในรถของคุณอย่างน้อยๆ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากทำได้เป็นประจำก็จะช่วยลดโอกาสเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างแบตเตอรี่หมดกระทันได้ นอกจากนี้การอัพเดทวิธีการดูแลรักษารถยนต์อยู่เสมอก็จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้อย่างไร้กังวล ติดตามสาระน่ารู้สนุกๆ เกี่ยวกับรถยนต์ที่คุณรักได้ที่บล็อก DirectAsia.com ของเราได้ทุกวันครับ
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์ โทร 02-767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+ , ประกันรถยนต์ 3+ , ประกันชั้น 2 , และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th/
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด