What can we help you with?

เสียงรถบอกเหตุ..ว่ารถคุณกำลังมีปัญหาตรงส่วนไหน

เสียงรถบอกปัญหา

เคยสังเกตกันไหมครับ ว่าขณะขับรถในบางครั้งอาจมีเสียงอะไรให้เราได้ยิน ซึ่งพี่กู๊ดอยากแนะนำให้ทุกคนสังเกตเจ้าเสียงเหล่านั้นอย่างตั้งใจครับ เพราะเสียงเหล่านั้นอาจจะเป็นการส่งสัญญาณว่ารถของเรานั้นกำลังมีปัญหา อีกทั้งแต่ละเสียงยังบ่งบอกถึงอาการต่างๆ ที่แตกต่างกันอีกด้วย หากเราได้รับรู้ก่อนก็สามารถไปตรวจสอบซ่อมแซมก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ หรือ เกิดความเสียหายกับตัวรถได้ ดังนั้นพี่กู๊ดจะชวนคุณมาลองสังเกตและตั้งใจฟังเสียงรถกันดูครับ

สังเกตเสียงรถ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุ

เสียงกริ๊ก เสียงจี๊ดจี๊ด หรือเสียงครืดจากรถยนต์ อาจเป็นการแสดงอาการปัญหาของรถ พี่กู๊ดอยากให้ทุกคนได้ลองสังเกตและตั้งใจฟังเสียง เพื่อจะได้ทราบที่มาของเสียงเหล่านี้ ซึ่งจะกลายเป็นตัวช่วยชั้นดีที่จะทำให้เราได้รู้ว่ารถกำลังมีปัญหาในส่วนไหน นอกจากนี้หากคุณสามารถระบุข้อมูลได้อย่างละเอียด เช่น ที่มาของเสียง สถานการณ์ที่มีเสียง (มีเสียงเมื่อเครื่องร้อน เมื่อเครื่องเย็น เมื่อเดินเบา เมื่อขับขี่ที่ความเร็ว 90 กม./ชม.) ก็จะเป็นตัวช่วยให้กับช่างยนต์ที่จะช่วยวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและแก้ไขให้รถคุณกลับมาเป็นปกติครับ

เสียงรถง่ายๆ สันนิษฐานปัญหาเบื้องต้นได้

เนื่องจากบางครั้งเราอาจจะได้ยินเสียงอาจจะทำให้เราสันนิษฐานเบื้องต้นได้คร่าวๆ ว่ารถเรานั้นกำลังมีอาการอย่างไรอยู่ พี่กู๊ดเลยรวบรวมเสียงที่มักได้ยินบ่อยๆ มาให้สังเกตกัน เสียงที่คุณได้ยินเป็นแบบนี้กันหรือเปล่า

เสียงจากเบรก

  • เสียงจี๊ดๆ เมื่อเหยียบเบรก และ เสียงเอี๊ยดที่ดังเกินปกติ หรือ ได้ยินเป็นเสียงเหล็กกระทบกัน นั่นคืออาการของการที่ผ้าเบรกกำลังหมดอายุการใช้งาน ซึ่งพี่กู๊ดแนะนำว่าควรรีบเปลี่ยนผ้าเบรก เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจจะเกิดเบรกแตกขึ้นซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
  • เสียงเบรกดังครืดๆ พร้อมมีอาการที่เหยียบยากขึ้น อาจจะเกิดจาก ผ้าเบรกแข็งหรือเป็นรอยเพราะฝุ่นจับ รวมไปถึงเศษหินที่หลุดเข้าไปข้างใน ซึ่งจะทำให้เบรกรถเกิดปัญหาได้
  • ควรตรวจเช็กผ้าเบรกทุกๆ การขับขี่ที่ 10,000 กิโลเมตร ทั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนที่ช้าหรือเร็วกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับการขับขี่

เสียงจากเกียร์

  • เกียร์มีเสียงแตกเสียงคราง หรือ เสียงหอน เกิดจากการสึกหรอของลูกปืนฟลายวีล (Pivot bearing) และเสื้อลูกปืน ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานเม็ดลูกปืนอาจจะเสียหายและส่งผลให้ล้อติดจนหมุนไม่ได้จนอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
  • เสียงดังกึกกัก ขณะเปลี่ยนเกียร์ เป็นสัญญาณที่ว่าเกียร์ถึงเวลาซ่อมบำรุง เพราะเป็นไปได้ที่น้ำมันเกียร์อาจจะเสื่อมสภาพ แนะนำว่าควรเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็ค เพราะรถแต่ละรุ่นนั้นไม่เหมือนกัน บางรุ่นอาจจะแค่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ บางรุ่นอาจจะถึงขั้นต้องเปลี่ยนเกียร์ใหม่ทั้งชุดเลยก็เป็นได้ครับ
  • ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์และไส้กรองน้ำมันเกียร์ทุกๆ 40,000 กิโลเมตร หรือขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์ที่ใช้งาน

เสียงจากห้องเครื่อง

  • สตาร์ทรถแล้วมีเสียงเอี๊ยดๆ ภายในห้องเครื่อง มักจะมีสาเหตุมาจากสายพาน หรือลูกรอก กำลังจะหมดอายุการใช้งาน เสียหาย หรือเสื่อมสภาพแล้วครับ ควรจะต้องรีบเข้าอู่ซ่อมเพื่อเปลี่ยนด่วนๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
  • เสียงดังฟู่ๆ ที่หน้าห้องเครื่อง ให้คุณลองรีบเช็คหม้อน้ำรถว่ามีการรั่ว หรือฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพหรือไม่ เพราะเสียงที่เกิดขึ้นมาจากการที่น้ำในหม้อน้ำหายออกไป อย่าชะล่าใจไป พี่กู๊ดอยากขอเตือน ถ้าไม่มีน้ำในระบบต้องได้ยกเครื่องกันใหม่แน่นอน กระเป๋าสตางค์อาจจะแฟ่บได้

เสียงจากพวงมาลัย

  • คอพวงมาลัยมีเสียงดังกึกๆ ขณะขับ อาจเป็นไปได้ว่า ลูกปืนคอพวงมาลัยแตก หลายคนปล่อยไว้เพราะคิดว่าไม่มีอะไร อาจจะแค่รำคาญเสียงนิดหน่อย แต่ความจริงแล้วอันตรายมาก หากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลต่อการควบคุมพวงมาลัย ซึ่งพี่กู๊ดมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัยมากๆ ถ้าเราคุมพวงมาลัยไม่ได้ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

รถเป็นแบบนี้ประกันรถยนต์จะคุ้มครองรถเราไหมนะ?

หากเราพบว่าสภาพรถที่เกิดขึ้นจากการใช้งานนั้นมีอาการทางด้านต้น พี่กู๊ดเสียใจที่ต้องบอกว่าประกันรถยนต์ทุกที่จะไม่รับเคลมครับ เพราะถือเป็นความเสื่อมสภาพของรถยนต์ ไม่ใช่อุบัติเหตุ เว้นในกรณีที่รถเราเกิดความเสียหายแล้วก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ทางประกันรถยนต์จะรับผิดชอบความเสียหายในส่วนนั้นๆ เช่น ลูกปืนรถมีความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้เศษลูกปืนติดล้อแล้วเกิดอุบัติเหตุ หรือ กรณีเบรกแตกไม่สามารถควบคุมรถได้จนชนคนอื่น หรือชนต้นไม้ ในส่วนนี้ทางประกันก็จะรับผิดชอบค่าเสียหายจากอุบัติเหตุนั้นๆ นี่คือเหตุผลที่เราไม่ควรมองข้ามประกันรถยนต์ไปครับ หากไม่ซื้อประกันรถยนต์ไว้ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะต้องรับภาระหลายทางเลยทีเดียว

นี่คือวิธีการเบื้องต้นของการสังเกตฟังเสียงรถของคุณ ซึ่งยิ่งเรารู้อาการของรถเร็วก็ลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวรถและตัวคุณ และยังเป็นการลดโอกาสที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย หากต้องการเพิ่มความอุ่นใจในการใช้งาน การซื้อประกันภัยรถยนต์ เพื่อคุ้มครองตัวรถ และตัวคุณเป็นทางเลือกที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ ทั้งนี้ ทุกอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ วันนี้คุณฟังเสียงรถของคุณแล้วได้ยินอะไรบ้างไหมครับ 😊

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้านการประกันรถยนต์ ทั้ง ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และประกันชั้น3 คลิกเว็บไซต์ https://www.directasia.co.th หรือสอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ โทร 02-767-7777

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด