9 เรื่องจริง! เกี่ยวกับใบขับขี่ ที่ควรรู้

ใบขับขี่ที่มี รู้กันหรือไม่ว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่คิด ไม่เชื่อ! ลองมาอัปเดตความรู้เรื่องใบขับขี่ที่ DirectAsia รวมมาให้ถึง 9 เรื่องด้วยกัน หรือหากใครมีเรื่องน่ารู้ที่นอกเหนือจากนี้ ก็แนะนำเพิ่มเติมกันเข้ามาได้ ถ้าพร้อมแล้วมาอ่านกัน
1. ใบขับขี่หาย ไม่ต้องแจ้งความ
สำหรับผู้ที่ทำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลหาย ไม่จำเป็นต้องไปแจ้งความ สามารถติดต่อที่สำนักงานกรมการขนส่งทางบกในพื้นที่อาศัย เพื่อขอทำใบขับขี่ใหม่ได้เลย ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้ใบขับขี่ดิจิทัลแบบชั่วคราวผ่านแอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE เพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ระหว่างรอใบขับขี่ใบใหม่ได้อีกด้วย
2. สอบใบขับขี่ สอบใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีบัตรประชาชนตัวจริง
การขอรับใบอนุญาตขับขี่ มีเอกสารที่จะต้องมี และขาดไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ บัตรประชาชนตัวจริง เพื่อใช้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้น ใครที่ทำบัตรประชาชนหาย หรือชำรุด จะต้องดำเนินการทำใหม่ที่สำนักงานเขตให้เรียบร้อยก่อนเท่านั้น ไม่สามารถนำใบแจ้งความ หรือสำเนาบัตรประชาชนมาใช้ทดแทนกันได้
3. ไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ไปสอบปฏิบัติ
ขั้นตอนการสอบใบขับขี่รถยนต์ เมื่อผ่านการอบรม และทำข้อสอบเรียบร้อยแล้ว ผู้ขับขี่ยังต้องสอบปฏิบัติให้เจ้าหน้าที่ประเมินด้วย โดยผู้ขับขี่ส่วนมากจะเตรียมรถยนต์มาจากบ้านเอง และส่วนน้อยที่ไม่ทราบ ว่าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดมีบริการให้เช่ารถยนต์ด้วยเช่นกัน ใครที่ไม่สะดวกนำรถยนต์มาเองก็สามารถเช่าได้เลย โดยมีอัตราค่าบริการประมาณ 100 บาท/ครั้ง ทั้งนี้ แต่ละเขตพื้นที่อาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป บางเขตอาจยังไม่มีบริการดังกล่าว และกำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องเตรียมรถยนต์มาเองเท่านั้น DirectAsia แนะนำว่าให้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานขนส่งจังหวัดในพื้นที่เสียก่อน จะได้ไม่พลาดโอกาสในการสอบ และเตรียมพร้อมได้ทันการ
4. ใบขับขี่ไม่สามารถทำได้ในวันเดียว
การสอบใบขับขี่ในปัจจุบัน มีข้อกำหนดที่เพิ่มมากขึ้น จากในอดีตที่สามารถอบรม รวมถึงสอบ และรับใบขับขี่ได้เลยใน 1 วัน ปัจจุบันผู้ขับขี่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
- วันที่ 1
-
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- อบรมใบอนุญาตจำนวน 5 ชม. แบ่งเป็นภาคเช้า และบ่าย
- ทดสอบข้อเขียน
หากการทดสอบข้อใดข้อหนึ่งตามข้างต้นไม่ผ่านเกณฑ์ ผู้ขับขี่จะต้องมาทดสอบใหม่ในวันรุ่งขึ้น
- วันที่ 2
-
- ทดสอบขับรถยนต์
- รับใบอนุญาต
5. ต่อใบขับขี่2565 ควร จองคิวต่อใบขับขี่ ทางออนไลน์
กรมการขนส่งทางบกแนะนำบริการต่อใบอนุญาตขับขี่ โดยให้ผู้ขับขี่จองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อความสะดวกสบายในการรับบริการ นอกจากนี้ ยังมีช่องทางอื่น ๆ เช่น จองผ่านเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th/ หรือตู้กดบัตรคิวอัตโนมัติ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดแต่ละพื้นที่ ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ตามสะดวก
6. ไม่ต้องพกใบขับขี่ตัวจริงได้แล้ว
จบปัญหาการลืมใบขับขี่ แค่โหลดแอปพลิเคชัน DLT QR Licence เพื่อใช้งานใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ ก็ไม่จำเป็นต้องพกใบขับขี่ตัวจริงแล้ว ทั้งนี้ ยังสามารถใช้สำเนาใบขับขี่ หรือภาพถ่ายที่มีแทนได้เช่นกัน โดยจะต้องเห็นข้อมูลบนบัตรที่ชัดเจนเท่านั้น

7. บุคคลที่ไม่มีสิทธิ์สอบใบอนุญาตขับขี่
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถสอบใบขับขี่ หรือได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ ตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก สามารถแบ่งบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์สอบใบอนุญาตขับขี่ ได้ดังนี้
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการยึดใบขับขี่
- ผู้ที่ถูกเพิกถอนใบขับขี่ ในกรณีนี้ถ้าถูกเพิกถอนใบขับขี่ จะสามารถสอบใบขับขี่ได้ก็ต่อเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาไปแล้ว 3 ปีนับตั้งแต่วันแรกที่ถูกเพิกถอนไป
- ผู้พิการทางร่างกาย ตั้งแต่ แขน ขา ตาบอด หูหนวก และลำตัวพิการที่เป็นเหตุไม่สามารถทำให้ขับรถยนต์ได้
- ผู้ที่มีความผิดปกติทางประสาทและป่วยทางจิต
- ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอันเป็นที่น่ารังเกียจต่อสังคม
- ผู้ที่ติดสุรา ของมึนเมา และผู้ที่ติดยาเสพติดทุกประเภท
- ผู้ที่เคยได้รับการจำคุกที่มีความผิดเกี่ยวกับคดีรถค่ะ แต่ในที่นี้ยกเว้นผู้ที่ได้รับโทษฐานทำความผิดโดยประมาทและต้องได้รับการพ้นโทษมาแล้วเกิน 3 ปี
- ผู้ที่ถูกควบคุมตัวเพราะมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม
- ผู้ที่มีข้อกล่าวหาหรือถูกพิพากษาถึงที่สุดและถูกเจ้าพนักงานเปรียบเทียบมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป ตามความผิดดังต่อไปนี้ (และเมื่อพ้นโทษเหล่านี้ไปเป็นระยะเวลา 6 เดือน จึงสามารถมาทำเรื่องขอใบอนุญาตขับขี่ได้ค่ะ)
- ขับขี่ฝ่าฝืนสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร
- ขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น
- ขับขี่ในลักษณะกีดขวางการจราจร
- ขับขี่โดยใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
- ขับขี่โดยประมาณหรือน่าหวาดเสียว
- ขับขี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
รวมถึงผู้ที่เป็นโรคที่มีความเสี่ยงได้ทั้งหมด 5 โรคดังต่อไปนี้
- โรคเท้าช้าง
- โรควัณโรค
- โรคเรื้อน
- โรคพิษสุราเรื้อรัง
- โรคยาเสพติดให้โทษ
8. ใบขับขี่แบบใหม่ใช้แทน ใบขับขี่สากล ได้
การท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ต้องการเช่ารถเพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง จำเป็นต้องมีใบขับขี่ระหว่างประเทศ ควบคู่กับใบขับขี่ภายในประเทศด้วย ยกเว้นประเทศกลุ่ม AEC ผู้ขับขี่สามารถขับรถออกนอกประเทศอย่างถูกต้องตามกฏหมาย เพียงใช้ใบขับขี่แบบใหม่ชนิดสมาร์ตการ์ดใบเดียวเท่านั้น
9. ใบขับขี่หมดอายุ ไม่เกิน 1 ปี รับบัตรใหม่ได้เลย
การต่อใบขับขี่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ใบขับขี่หมดอายุ สามารถดำเนินการขอรับใบใหม่ได้โดยไม่จำเป็นต้องอบรม หรือสอบใหม่ ส่วนผู้ที่ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องผ่านการสอบข้อเขียนให้คะแนนผ่านร้อยละ 90 จากคะแนนสอบทั้งหมด และใบขับขี่ที่หมดอายุเกิน 3 ปี จะต้องผ่านการสอบข้อเขียน สอบปฏิบัติ และต้องใช้ใบรับรองแพทย์ประกอบการขอต่ออายุใบขับขี่อีกด้วย
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์ โทร 02-767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th