What can we help you with?

ลดหย่อนภาษี 2566 ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม?

ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม

โดยทั่วไปจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประกันชีวิตสามารถใช้ขอคืนภาษีหรือลดหย่อนภาษีได้ แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าประกันรถยนต์ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีของการทำประกันภัยรถยนต์ นอกจากจะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าคุณจะได้รับการชดเชยในกรณีเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินเมื่อต้องเคลมค่าซ่อมต่าง ๆ ที่จะตามมาส่งผลในระยะยาวได้ และค่าใช้จ่ายในการชำระเบี้ยประกันภัยยังสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีประจำปีได้อีกด้วย แต่ก็ใช่ว่าประกันรถยนต์จะได้สิทธิ์ขอคืนภาษีหรือลดหย่อนภาษีทั้งหมด และไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ขับขี่จะทำประกันประเภทใดอีกด้วย

DirectAsia จะพามาทำความเข้าใจกันว่าประกันรถยนต์สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้จริงหรือไม่ หากทำได้ แล้วประกันภัยรถยนต์แบบไหนที่เข้าเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด

DirectAsia ประกันรถยนต์

ค่าลดหย่อนภาษี 2566 คืออะไร

ค่าลดหย่อนภาษี คือ ค่าใช้จ่ายตามรายการที่กฎหมายกำหนดไว้ให้สามารถนำไปหักออกจากเงินได้ หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายส่วนดังกล่าวแล้วจะทำให้คุณเสียภาษีประจำปีในอัตราที่น้อยลงหรืออาจจะได้ คืนภาษี ในกรณีที่เสียภาษีระหว่างปีไว้เกินกว่าฐานรายได้คํานวณภาษีที่แจ้งไป โดยอัตราการเสียภาษีนั้นจะคิดตามสัดส่วนของรายรับ หากคุณมีรายได้ถึงกำหนดที่จะต้องเสียภาษีก็ต้องจ่าย ซึ่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีวิธีการคำนวณดังนี้

รายได้ (ต่อปี) - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย

ค่าลดหย่อนภาษี 2566 มีอะไรบ้าง

รายการลดหย่อนภาษี 2566

อัตราค่าลดหย่อน

1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส คนละ 60,000 และกฎหมายอนุญาตให้มีได้สูงสุด 1 คน
3. ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000-60,000 บาท
4. ค่าลดหย่อนบิดามารดา คนละ 30,000 บาท
5. ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
6. ค่าฝากครรภ์และทำคลอด ตามที่จ่ายจริงแต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินท้องละ 60,000 บาท
7. เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป/เงินฝากแบบมีประกันชีวิต ตามที่จ่ายจริงแต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท (คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท)
8. เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท
9. เบี้ยประกันสุภาพตนเอง ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
10. กบข./กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือน และเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 500,000 บาท
11. ค่าซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับข้อ 10 แล้วไม่เกิน 500,000 บาท
12. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับข้อ 10 และ RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
13. เงินประกันสังคม ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 9,000 บาท
14. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 13,200 บาท และเมื่อรวมกับข้อ 10 RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
15. ค่าซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับข้อ 10 RMF เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ และกอช. แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
16. ดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
17. ค่าธรรมเนียมการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ลดหย่อนเพิ่มได้อีกตามที่จ่ายจริง เมื่อมีเงินได้จากค่าเช่า ค่าวิชาชีพอิสระ ค่ารับเหมาทั้งค่าแรงและค่าของ หรือ เงินได้การประกอบธุรกิจอื่น ๆ
18. เงินบริจาคพรรคการเมือง ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
 19. เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
20. ช้อปดีมีคืน 2566 ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท (รอประกาศเป็นกฎหมาย)
21. เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ 2 เท่าของเงินบริจาคตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน
22. เงินบริจาคทั่วไป ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน

DirectAsia ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้หรือไม่

ประกันรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่สามารถลดหย่อนภาษีหรือยื่นขอคืนภาษีได้ สังเกตได้จากตารางข้างต้นจะเห็นว่า ประกันภัยรถยนต์ ไม่ได้อยู่ในรายการลดหย่อนภาษี 2566 มีเพียงประกันสุขภาพเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะรัฐบาลอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนในค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เศรษฐกิจ และปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตเป็นหลัก ส่วนประกันรถยนต์ที่เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลนั้นนับว่าไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐาน เว้นแต่ผู้ขับขี่ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับขนส่ง หรือประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับรถยนต์

DirectAsia ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ มีอะไรบ้าง

ประเภทประกันรถยนต์ที่สามารถรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ จะต้องเป็นรถยนต์ที่ใช้ประกอบธุรกิจขนส่ง หรือจดทะเบียนในนามบริษัท เช่น รถเช่า รถรับจ้าง หรือ บริษัทขนส่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะทำประกันรถยนต์ชั้นใดก็ตาม สามารถนำค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ไปลดย่อนภาษีเงินได้ภาคธุรกิจได้ เนื่องจากการทำประกันรถยนต์นั้นเท่ากับว่าเป็นต้นทุนในการประกอบธุรกิจนั่นเอง

ทั้งนี้รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพที่ใช้รถยนต์ หรืองานเสริม เช่น แท็กซี่ รถรับจ้าง หรือบริการส่งของ แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่า อาชีพเหล่านั้นกฎหมายรองรับหรือไม่ ก่อนนำหลักฐานรายได้ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภาษีไปยื่นขอลดหย่อนภาษีหรือขอคืนภาษีในส่วนนั้น

สรุปว่า ค่าเบี้ยประกันรถยนต์สามารถนำมาตีเป็นค่าใช้จ่าย ลดหย่อนภาษี ได้ กรณีผู้ขับที่เข้าเกณฑ์ที่ DirectAsia กล่าวข้างต้น สามารถยื่นแบบขอลดหย่อนภาษีได้เลย แต่อย่าลืมว่าต้องมีหลักฐานแสดงหรือต้องพิสูจน์ได้ว่ารถยนต์คันนั้นใช้ในการประกอบงานจริง อย่างไรก็ดี เพื่อให้ถูกระเบียบตามกรมสรรพากร ผู้ขับขี่ควรศึกษาข้อมูล หรือรับคำปรึกษากับกรมสรรพากรโดยตรงที่เบอร์ 1161

 

สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์  โทร 02-767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+ , ประกันรถยนต์ 3+ , ประกันชั้น 2 , และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th/

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

DirectAsia ประกันรถยนต์